; โรคนิ่วในไต (Renal Calculi) -โรงพยาบาลแมคคอร์มิค เชียงใหม่ McCormick Hospital ChiangMai

โรคนิ่วในไต (Renal Calculi)


       
        ผู้ป่วยหลายคนกังวลว่าตัวเองจะเป็นโรคไตหรือโรคนิ่วในไตเพราะสังเกตเห็นว่าตัวเอง ปัสสาวะผิดปกติไป เช่น ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะแสบขัด ปัสสาวะมีฟองมาก ปัสสาวะมีกลิ่นฉุนผิดปกติ หรือกระทั่งปัสสาวะมีสีเข้มมากขึ้น ซึ่งอาการเหล่านี้จริง ๆ แล้ว เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคนิ่วอย่างเดียวครับ

        “นิ่ว” ก็คือก้อนหิน ที่อยุ่ในร่างกายของคน เกิดขึ้นได้กับหลายอวัยวะ เช่น นิ่วในไตและทางเดินปัสสาวะ นิ่วในระบบน้ำดี นิ่วในต่อมน้ำลาย และอวัยวะอื่น ๆ

        นิ่วมีด้วยกันหลายชนิด หลายสี หลายขนาด ความแข็งมีตั้งแต่ แข็งน้อยไปจนถึงแข็งมาก โดยทั้งหมดขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของนิ่ว ซึ่งที่นิ่วที่พบมากที่สุด คือนิ่วที่มีแคลเซียมเป็นองค์ประกอบ  ส่วนนิ่วที่แข็งที่สุดคือนิ่ว Cystine ซึ่งพบได้น้อย

        ไตนั้นเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมาก คือ เป็นที่ขับของเสียในร่างกายออกมาในรูปน้ำปัสสาวะ และรักษาสมดุลของร่างกาย

        ไตของมนุษย์มีด้วยกัน 2 ข้าง อยู่บริเวณสีข้างหรือเอว  ดังนั้นเมื่อมีความผิดปกติ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดเอวหรือปวดท้องข้างใดข้างหนึ่งร่วมกับปัสสาวะที่ผิดปกติไป


นิ่วในไตนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งของ
โรคไตวายเรื้อรังแต่ถ้ารักษาได้ทันท่วงทีก็จะทำให้ไตทำงานได้ดีเป็นปกติ

        ผู้ป่วยนิ่วในไตส่วนใหญ่มักไม่มีอาการแสดง มักเจอโดยบังเอิญจากการตรวจเช็คร่างกายแล้วพบความผิดปกติของน้ำปัสสาวะ บางคนอาจมีอาการปวดเอวเรื้อรัง ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะเป็น ๆ หาย ๆ หรือบางครั้งมาพบแพทย์ ด้วยอาการของไตวายซึงเป็นภาวะที่ยากต่อการรักษาให้ไตกลับมาทำงานเป็นปกติ ดังนั้น จึงแนะนำว่า อายุตั้งแต่วัยทำงานขึ้นไป ควรตรวจสุขภาพกับแพทย์เป็นประจำทุกปีเพื่อการรักษาได้อย่างทันท่วงที

        การตรวจวินิจฉัยโรคนิ่วในไต มีด้วยกันหลายวิธี เช่น x-ray ทั่วไป Ultrasound X-ray ฉีดสารทึบรังสี และ X-ray computer (CT scan) ซึ่งขึ้นอยู่กับอาการและการประเมินผู้ป่วยแต่ละราย ส่วนการรักษาก็มีหลายวิธี เริ่มตั้งแต่นิ่วขนาดเล็กมาก อาจสังเกตอาการไปก่อนเพื่อให้นิ่วหลุดเอง การใช้ยาสลายนิ่ว การใช้เครื่องสลายนิ่ว (ESWL) การส่องกล้องทางท่อปัสสาวะ (RIRS) ส่วนนิ่วที่มีขนาดใหญ่อาจรักษาด้วยการเจาะรูบริเวณสีข้างเพื่อเข้าไปในไตแล้วจึงเอานิ่วออก (PCNL) สุดท้ายคือการผ่าตัดแผลกว้างบริเวณเอวเพื่อนำนิ่วออกจากไต


สาเหตุของการเกิดโรคนิ่วในไต  มีหลายสาเหตุ เช่น 

        - พันธุกรรม 
        - ความผิดปกติของเมตาบอลิซึ่ม (Metabolism) ในร่างกาย 
        - ดื่มน้ำน้อยและเสียเหงื่อมาก
        - ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ 
        - โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังหรือเคยผ่าตัดลำไส้มากก่อน   
        - คนอ้วน
        - รับประทานอาหารที่มีรสเค็ม
        - เนื้อสัตว์ อาหารที่มีออกซาเลต (oxalate) สูง (ชาดำ โกโก้ ผักขม ช็อคโกแลต ถั่ว เป็นต้น) 
        - ยาบางชนิด เช่น steroid ยาขับปัสสาวะ ใช้ยาระบายอุจจาระเป็นประจำ
        - โรคมะเร็ง ภาวะท่อไตอุดตัน  
        - ผู้ป่วยที่เคยเป็นนิ่วมาก่อนจะมีโอกาสเกิดนิ่วซ้ำได้มากกว่าคนทั่วไป


        ดังนั้น เราควรปฏิบัติตัวเพื่อลดความเสี่ยงของโรคนิ่วในไต  คือ ดื่มน้ำประมาณ 2 ลิตรต่อวัน ดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาว ลดความอ้วน ออกกำลังกาย ลดอาหารรสเค็ม เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว  ควรรับประทานเนื้อปลา ลดอาหารที่มีออกซาเลต ไม่ควรกินวิตามินซีเกิน 2 กรัมต่อวัน ควรรับประทานแคลเซียม เพราะแคลเซียมจะช่วยลดการดูดซึมของออกซาเลตในลำไส้ หลีกเลี่ยงการใช้ยาบางชนิดเป็นประจำ สุดท้ายควรตรวจสุขภาพสม่ำเสมอเพราะจะสามารถตรวจพบนิ่วในระยะเริ่มเป็นได้